ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล ทำไมเห็นผลช้า และฉีดโบท็อกซ์แล้วอยู่นานเท่าไหร่ ?

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจจะฉีดโบท็อกซ์ คงเกิดคำถามและข้อสงสัยว่า หลังฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล ทำไมบางคนเห็นผลเร็ว แต่บางคนกลับเห็นผลช้า ? 

ปัจจุบันการฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสามารถช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอย ช่วยปรับรูปหน้าให้กระชับ ดูเรียวสวย และอ่อนกว่าวัยได้ โดยไม่จำเป็นต้องผ่ามีดหมอ หรือ การผ่าตัดศัลยกรรม และถ้าหากไม่พอในใจผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์ เมื่อระยะเวลาผ่านไปสักระยะโบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปก็จะค่อยๆ สลายไปเองตามธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดอันตราย  

ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล

หลังฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล ซึ่งอาจจะทำให้หลายคนเกิดความกังวลว่าทำไมฉีดโบท็อกซ์เหมือนกัน ยี่ห้อเดียวกัน แต่ทำไมเห็นผลต่างกัน จริงๆ แล้วฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผลกันแน่? ในส่วนนี้จำเป็นต้องอธิบายเพื่อให้เข้าใจตรงกันก่อน ว่าปัจจัยที่ส่งผลให้หลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้วเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมีหลายปัจจัย ซึ่งทำให้ระยะเวลาหลังฉีกโบท็อกซ์กี่วันเห็นผลของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป 

โดยที่ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาของโบท็อกซ์มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ฉีด ความบริสุทธิ์ของตัวยา เทคนิคการฉีดโบท็อกซ์ที่แพทย์ใช้ การดูแลหลังฉีดโบท็อกซ์และการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล รวมไปถึงตำแหน่งที่ฉีด ได้แก่ โบท็อกซ์ระหว่างคิ้ว หน้าผาก หางตา ลดกราม และลิฟต์กรอบหน้า ซึ่งตำแหน่งที่มีกล้ามเนื้อที่ใหญ่กว่ามักจะใช้เวลาเห็นผลนานกว่า เช่น การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามจะใช้ระยะเวลาเพื่อให้รูปหน้าเข้าที่นานกว่า การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอย 

 

อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่ามีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อผลลัพธ์หลังการฉีดโบท็อกซ์ ถ้าอย่างนั้นฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล ? 

  • ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย ส่วนใหญ่จะเริ่มรู้สึกตึงบริเวณรอบๆ ที่ฉีดภายใน 3-7 วัน และเห็นผลเต็มที่หลังจากฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์
  • ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม จะเริ่มเห็นผลเต็มที่หลังจากฉีดประมาณ 4-6 สัปดาห์ โดยที่กล้ามเนื้อบริเวณที่กล้ามจะเริ่มนิ่มและค่อยๆ เล็กลง 
  • ฉีดโบท็อกซ์ลิฟต์กรอบหน้า จะเริ่มเห็นผลเต็มที่หลังจากฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์
  • ฉีดโบท็อกซ์ลดเหงื่อ บริเวณรักแร้หรือฝ่ามือจะเริ่มเห็นผลเต็มที่หลังจากฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์ 

ซึ่งหลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้วจะรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด มีสาเหตุมาจากกลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์ต่อระบบประสาทช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้ลดลง ทั้งนี้การฉีดโบท็อกซ์ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไม่ควรฉีดโบท็อกซ์กับหมอกระเป๋า เพื่อให้แพทย์คำนวณปริมาณยูนิตโบท็อกซ์ที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

โบท็อกซ์กี่วันเห็นผล มีปัจจัยใดบ้าง?

หลังจากที่ได้ทราบว่าฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผลไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ใช้เท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์ ถ้าอย่างนั้นเรามาลองดูกันดีกว่า ว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้แต่ละคนเห็นผลลัพธ์หลังจากฉีดโบท็อกซ์แตกต่างกัน

 

แตกต่างตามตำแหน่งที่ฉีด

ปัจจัยแรกที่ทำให้แต่ละคนใช้เวลาเห็นผลลัพธ์แตกต่างกัน จนเกิดคำถามและความกังวลว่า ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล นั้นก็คือ ตำแหน่งที่ฉีด เพราะในปัจจุบันสามารถฉีดโบท็อกซ์เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ได้หลายจุด ซึ่งจุดที่นิยมฉีดโบท็อกซ์ส่วนมากจะเป็นจุดที่มักจะเกิดริ้วรอยได้ง่าย ได้แก่ หน้าผาก ร่องแก้ม ตีนกา ระหว่างคิ้ว โหนกแก้ม กรามเพื่อปรับหน้าให้เรียว ปีกจมูก แขน และน่องขา เป็นต้น

โดยที่ตำแหน่งที่ฉีดโบท็อกซ์มีกล้ามเนื้อขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์มากขึ้น สามารถสังเกตได้ง่ายๆ จากกรณีฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยที่คิ้ว เพื่อให้ดูอ่อนเยาว์ส่วนใหญ่มักจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 2-4 สัปดาห์ แต่ถ้าหากเป็นการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวย ส่วนใหญ่มักจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 4-6 สัปดาห์ เนื่องจากตำแหน่งที่ฉีดแตกต่างกัน  

ยี่ห้อโบท็อกซ์

ปัจจัยที่สองทำให้แต่ละคนใช้เวลาเห็นผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์ไม่เท่ากัน คือ ยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ใช้ฉีด โดยปัจจุบันโบท็อกซ์มีหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น โบท็อกซ์อเมริกา โบท็อกซ์อังกฤษ โบท็อกซ์เกาหลี และโบท็อกซ์เยอรมัน ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันออกไป เช่น โบท็อกซ์อเมริกาเป็นโบท็อกซ์ที่มีความปลอดภัยสูง มีงานวิจัยรองรับมากที่สุด หรือ โบท็อกซ์เกาหลีที่เน้นพัฒนาให้ออกฤทธิ์ไว และมีราคาถูกกว่า

นอกจากนี้โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อยังใช้เทคนิคการฉีดที่แตกต่างกัน และตำแหน่งที่ควรฉีดก็แตกต่างกัน ดังนั้นสำหรับผู้ที่สนใจต้องการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอย หรือ ปรับรูปหน้า แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจเลือกยี่ห้อโบท็อกซ์จะดีที่สุด

ความเข้มของยา

ปัจจัยที่สามที่ทำให้บางคนฉีดโบท็อกซ์แล้วเห็นผลช้า จนเกิดคำถามว่าฉีดกี่โบท็อกซ์กี่วันเห็นผล คือ ความเข้มข้นของตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน โบท็อกซ์เจือจางมาก มักมีสาเหตุมาจากการฉีดโบท็อกซ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่านอย. ฉีดโบท็อกซ์กับหมอกระเป๋า และคลินิกที่ไม่มีมาตรฐาน ที่มีการผสมตัวยาให้เจือจางมากกว่าปกติ และปริมาณยูนิตที่ไม่เหมาะสม

รู้หรือไม่ ? ว่าจริงๆ แล้วตอนแรกโบท็อกซ์จะมาในรูปแบบของผงยา และจำเป็นต้องนำไปผสมกับน้ำเกลือก่อนที่จะฉีดเข้าไปตามจุดต่างๆ บนร่างกาย ดังนั้นขั้นตอนการผสมขั้นจึงเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญ และต้องใช้ความชำนาญ เพื่อให้ได้ตัวยาที่ได้มาตรฐานที่จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 

 

ในกรณีที่มีการผสมน้ำเกลือในอัตราส่วนที่มากเกินไป จนทำให้ตัวยาเจือจางจะส่งผลให้ตัวยากระจายตัวมาก และให้ผลลัพธ์ที่ไม่แม่นยำ ซึ่งอาจจะทำให้ยิ้มแข็ง ปากเบี้ยว และหน้าเบี้ยวได้ 

 

โดสที่ฉีด

ในแต่ละตำแหน่งที่ฉีดโบท็อกซ์จะมีข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับจำนวนโดสของยา หรือ ยูนิตของโบท็อกซ์ เพราะการฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณยูนิตที่มากเกินไป ไม่ได้ส่งผลดีแต่กลับให้ผลเสียซะมากกว่า เพราะอาจจะทำให้เกิดการกระจายตัวของยาไปยังกล้ามเนื้อบริเวณส่วนอื่นๆ ที่ใกล้เคียง ส่งผลให้หลังฉีดโบท็อกซ์แล้วดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ หรือ ถ้าฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณยูนิตที่น้อยไป ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งก็จะทำให้เห็นผลลัพธ์ไม่ชัดเจน 

ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล และปริมาณยูนิตโบท็อกซ์ที่เหมาะสำหรับแต่ละตำแหน่งควรใช้เท่าไหร่ ?

  • บริเวณหน้าผาก ควรใช้จำนวนโดสยาไม่เกิน 15-20 ยูนิต เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อ เนื่องจากเป็นส่วนที่แสดงสีหน้าอารมณ์ หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญ กระจายยาไม่เหมาะสมอาจจะพบปัญหาหางคิ้วยกสูง จนดูเหมือนโกรธ ทำให้หน้าดุอยู่ตลอดเวลา
  • บริเวณระหว่างคิ้ว ควรใช้จำนวนโดสยาไม่เกิน 6-15 ยูนิต เพราะระหว่างคิ้วเป็นส่วนที่แสดงสีหน้าและอารมณ์ ถ้าหากใช้ปริมาณโดสยาที่มากเกินไป อาจจะทำให้ไม่เป็นธรรมชาติ และทำให้หางตาตกได้ 
  • บริเวณหางตา ควรใช้จำนวนโดสยาไม่เกิน 10-25 ยูนิต ในกรณีที่ใช้จำนวนโดสยามากเกินอาจจะทำให้ตาแข็ง ยิ้มดูไม่เป็นธรรมชาติ
  • บริเวณกราม ควรใช้จำนวนโดสยาไม่เกิน 30-50 ยูนิต เพราะเป็นบริเวณที่มีกล้ามเนื้อใหญ่กว่าส่วนอื่นๆ จึงใช้ปริมาณโดสยาที่มากกว่า 
  • บริเวณรักแร้ ควรใช้จำนวนโดสยาไม่เกิน 50-100 ยูนิต บริเวณรักแร้เป็นตำแหน่งที่ต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมินโดสยาเท่านั้น โดยขึ้นกับการตอบสนองแต่ละบุคคลในการลดเหงื่อ
  • บริเวณน่องขา ควรใช้จำนวนโดสยาไม่เกิน 100 ยูนิต ในกรณีที่ใช้จำนวนโดสยามากเกินไป อาจจะทำให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง และเคลื่อนไหวร่างกายลำบาก 

ปริมาณโดสยาที่ใช้ฉีดโบท็อกซ์ของแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน ทางที่ดีเพื่อให้ได้และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุณพึงพอใจ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินร่างกาย และใช้ปริมาณยูนิตที่เหมาะสม

การดื้อยา

ฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผล ทำไมฉีดโบท็อกซ์แล้วเห็นผลช้า ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล ? ในกรณีที่เกิดอาการดื้อยาส่วนใหญ่มักจะมีสาเหตุมาจากเคยฉีดโบท็อกซ์ปลอม หรือ โบท็อกซ์ที่ไม่ได้มาตรฐานมาก่อน เนื่องจากในโบท็อกซ์เหล่านั้นมีสารปนเปื้อนสูง จึงทำให้แม้ว่าจะฉีดโบท็อกซ์ หรือ ฉีดอะไรก็มักจะไม่เห็นผล 

ซึ่งจะแตกต่างจากการฉีดโบท็อกซ์ที่ได้มาตรฐาน มีอย.รับรอง เพราะโบท็อกซ์ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรอง อย. สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ และช่วยแก้ปัญหาลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าได้ 

นอกจากนี้การอาการดื้อยาอาจจะมีสาเหตุมาจากการฉีดโบท็อกซ์บ่อยเกินไป แนะนำให้เว้นระยะเวลาฉีดโบท็อกซ์อย่างน้อย 3-4 เดือน  เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายให้สูงขึ้น และส่งผลให้การฉีดโบท็อกซ์เริ่มเห็นผลลัพธ์ไม่ชัดเจน โดยอาการดื้อยาสามารถสังเกตได้จาก เมื่อฉีดโบท็อกซ์แล้วเห็นผลช้าลงเรื่อยๆ หรือไม่เห็นผลเลย

โบท็อกซ์อยู่ได้กี่เดือน

นอกจากฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผลแล้ว ยังมีอีกคำถามที่หลายคนมักจะถาม คือ ฉีดโบท็อกซ์แล้วอยู่ได้นานกี่เดือน ? ต้องบอกว่าระยะเวลาที่โบท็อกซ์จะอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด ยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ใช้ และกิจวัตรประจำวัน และการดูแลหลังฉีดโบท็อกซ์ของแต่ละคน 

 

  • สำหรับโบท็อกซ์ลดริ้วรอย จะมีระยะเวลาประมาณ 4-6 เดือนหลังจากฉีด 
  • สำหรับโบท็อกซ์ลดกราม จะมีระยะเวลาประมาณ 4-6 เดือนหลังจากฉีด 

 

นอกจากนี้โบท็อกซ์สามารถสลายตัวได้ไวขึ้น ถ้าหากโดนความร้อน หรือ กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ถูก บริหารบ่อยๆ ดังนั้นการดูแลตัวหลังฉีดโบท็อกซ์จึงมีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน 

ทำไมฉีดแล้วถึงไม่เห็นผล

ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล ทำไมฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผล ? สำหรับสาเหตุที่ทำให้ฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผล มีหลายปัจจัยเช่นเดียวกัน โดยปัจจัยที่ทำให้ฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผลสามารถแบ่งออกเป็น 3 สาเหตุ ได้แก่ 

  • โบท็อกซ์ไม่ได้มาตรฐาน 

ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่โบท็อกซ์ผสมน้ำเกินมากเกินไป ทำให้ตัวยาถูกเจือจาง หรือ โบท็อกซ์ปลอมไม่ผ่านการรับรองมาตรฐาน อย. เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจึงไม่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ นอกจากนี้การที่โบท็อกซ์ถูกเจือ

จางมากๆ จะส่งผลเสียทำให้ไม่สามารถควบคุมการกระจายตัวของยาได้ ส่งผลให้อาจเกิดอาการหางตาตก หน้าเบี้ยว และปากเบี้ยวได้ ซึ่งไม่ได้ตรงตามจุดประสงค์ที่ต้องการลดริ้วรอย

  • ฉีดโบท็อกซ์ไม่ถูกตำแหน่งกล้ามเนื้อ 

เป็นเหตุผลว่าทำไมจึงควรเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญ เพราะแพทย์จำเป็นต้องรู้ว่าตำแหน่งไหนควรฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณกี่ยูนิต นอกจากนี้แพทย์จำเป็นต้องประเมินปริมาณยูนิตที่ใช้เหมาะสมกับแต่ละคน พร้อมทั้งหามัดกล้ามเนื้อที่ควรฉีดโบท็อกซ์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หากฉีดโบท็อกซ์กับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญอาจจะทำให้ฉีดไม่ถูกตำแหน่งมัดกล้ามเนื้อ และทำให้เกิดเหตุการณ์ฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผลได้นั่นเอง 

  • อาการดื้อโบท็อกซ์

สำหรับผู้ที่มีอาการดื้อโบท็อกซ์ที่มีสาเหตุมาจากเคยฉีดโบท็อกซ์ปลอม โบท็อกซ์ที่ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐาน อย. หรือ ผู้ที่ฉีดโบท็อกซ์ถี่เกินไป ไม่ได้เว้นตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ อาจจะเกิดอาการดื้อยา ทำให้เมื่อฉีดโบท็อกซ์อีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นโบท็อกซ์แท้ แต่ก็จะไม่เห็นผล 

สรุป

สำหรับคำถามฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล หรือ ฉีดหน้าเรียวกี่วันเห็นผล ? หลังจากอ่านบทความนี้ หลายคนคงได้คำตอบที่พึงพอใจกันแล้ว โดยที่ระยะเวลาการแสดงผลลัพธ์ที่ชัดเจนหลังจากฉีดโบท็อกซ์จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด ยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ใช้ การดูแลตนเองหลังฉีดโบท็อกซ์ และปัจจัยอื่นๆ โดยทั่วไปแล้วส่วนใหญ่ถ้าหากเป็นการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยมักจะเริ่มเห็นผลภายใน 3-7 วัน ส่วนการฉีดโบท็อกซ์เพื่อปรับรูปหน้า หรือ ลดกรามมักจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ภายใน 2-4 สัปดาห์

“โบท็อกซ์” ช่วยอะไรได้บ้าง ?

ฉีดโบท็อกซ์ คืออะไร ? เหมาะกับใครบ้าง ?

ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์ ! กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

สูตรลับหน้าเด็ก ! ด้วยโบท็อกซ์

โบท็อกซ์ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? และควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีดโบท็อกซ์

โบท็อกซ์คืออะไร ช่วยเรื่องผิวหน้าได้อย่างไร ? ดูแลยังไงถึงจะเห็นผลยาวนาน ?

รู้จักโบท็อกซ์ Nabota กล่องดำกับกล่องแดงต่างกันอย่างไร ?

หน้าบานทําไงดี ? แนะนำ 3 วิธีแก้หน้าบานมากให้เล็กเรียว !

โบท็อกซ์คืออะไร ทำไมต้องฉีดโบท็อกซ์ ?