เตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์และดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

เตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์และดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร

คือ สารเติมเต็ม ฟิลเลอร์เป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายของคนเราอยู่แล้ว จึงมีปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการแพ้ และไม่เป็นอันตราย นอกจากนี้ยังสามารถสลายไปเองได้โดยไม่เหลือสารตกค้าง ช่วยแก้ปัญหาร่องลึกต่างๆ ทั่วใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น ขมับตอบ แก้มตอบ ร่องใต้ตาและช่วยยกกระชับและปรับรูปหน้าให้เรียวมีมิติ

ตำแหน่งที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้

  • สันจมูก ใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งเติมสันจมูกให้ดูโด่งขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติหากไม่อยากทำศัลยกรรม
  • ใต้ตา ฉีดเติมเต็มเบ้าตา ร่องน้ำตาลึก หรือแก้ไข้ให้ถุงใต้ตาดูเรียบเนียนขึ้น
  • ตีนกา เติมร่องตีนกาให้ตื้นขึ้น
  • รอยลึกร่องแก้มและร่องน้ำหมาก เป็นจุดที่ฉีดแล้วทำให้หน้าดูเด็กลงได้หลายปี
  • คาง คนคางสั้นสามารถเติมคางให้ดูเรียวยาวขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • หน้าผาก ทำได้ทั้งลดริ้วรอยที่เป็นเส้นย่นๆ และเติมให้หน้าผากดูนูนเป็นทรงสวย
  • ริมฝีปาก ทำให้ปากดูอวบอิ่มเป็นทรงขึ้น รวมถึงสามารถฉีดลดริ้วรอยเล็กๆรอบริมฝีปากได้
  • รอยหลุมสิว ช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น
  • คอและบริเวณเนินอก ช่วยลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวหนังมีความเรียบเนียนกระชับมากขึ้น
  • หลังมือ ลดเลือนริ้วรอยทำให้ผิวหนังเรียบเนียนเต่งตึง จะได้ไม่ฟ้องอายุที่แท้จริง

การฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยที่เป็นร่องลึก
  • ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยจากวัยที่เพิ่มขึ้น
  • ผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตา ร่องน้ำตาลึก ใต้ตาลึกทำให้ดูคล้ำ
  • ผู้ที่ต้องการแก้ไขฝีปากไม่ได้รูป หรือริมฝีปากบาง
  • ผู้ที่ต้องการเติมส่วนต่างๆ บนใบหน้า เช่น จมูก หน้าผาก คาง
  • ผู้ที่มีปัญหารอยหลุมสิวและรูขุมขนกว้าง
  • ผู้ที่ต้องการให้ผิวชุ่มชื้นดูฉ่ำน้ำ

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์

  • หยุดยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ
  • งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย เป็นเวลา 2 สัปดาห์
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3วัน
  • สุขภาพร่างกายปกติดี ไม่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • ล้างเครื่องสำอางค์ก่อยพบแพทย์

การดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์

  • ไม่ควรจับ ลูบคลำ นวดบริเวณที่ฉีด เพราะอาจส่งผลต่อการกระจายตัวของยา
  • หลังฉีด 24 ชั่วโมง งดการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทพให้เส้นเลือดขยายตัวและทำให้รอบเข็มหายช้าลง
  • ควรดื่มน้ำเปล่าให้มากกว่าปกติ จะช่วยให้ฟิลเลอร์อิ่มฟูยิ่งขึ้นและอยู่ได้นานมากขึ้น โดยเฉพาะใน 3 วันแรกหลังฉีดไปจนถึง 2 สัปดาห์หลังฉีด
  • งดการออกกำลังกายหนักๆ รวมถึงการให้ใบหน้าโดนความร้อนโดยตรงเช่น การอบซาวน่า, แช่น้ำอุ่น การนวดหน้าด้วยความร้อน เป็นเวลา 2 สัปดาห์
  • การอาบน้ำอุ่นเป่าผมและโดนแสงแดด สามารถทำได้ปกติ

วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ 

     หลังการฉีดฟิลเลอร์ หลีกเลี่ยงการนวด กด เกา รวมถึงสัมผัสแรง ๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการสัมผัส และเพื่อให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปคงรูปทรง เข้าที่ได้ดียิ่งขึ้น

2. หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด และ ความร้อน ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก

    ไม่ควรออกกำลังให้เหงื่อออก หรือไปตากแดดร้อน รวมถึงการเข้าห้องซาวน่า เพราะความร้อนส่งผลต่อการเซตตัวของฟิลเลอร์ และ อาจเกิดรอยแดงบริเวณที่ฉีดได้  กรณีพบอาการระคายเคือง บวม แดง คันอย่างต่อเนื่อง สามารถติดต่อแอดมินเพื่อแจ้งติดตามอาการได้ทันที

3. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

    ที่มีส่วนประกอบของกรดผลไม้ ส่วนประกอบของ AHA BHA หรือ Retinoids เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง กับผิวบริเวณที่ฉีดได้ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ 

4. งดทานวิตามิน และยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด

    เช่น วิตามินอี แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และ ยาแก้อักเสบบางชนิด เพราะอาจทำให้เลือด หยุดไหลช้า ทำให้ช้ำง่ายกว่าปกติ รวมถึงอาหารหมักดองของแสลงอย่างน้อย 1 สัปดาห์

5. หลีกเลี่ยงการแว็กซ์ ถอน ย้อมสีขน หรือใช้ครีมกำจัดขน 

    ประมาณ 2 – 3 วัน เนื่องจากบริเวณที่ฉีดอาจมีความบอบบางลงชั่วคราว อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เสี่ยงต่อการอักเสบได้

6. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ สูบบุหรี่ 

    ควรงดแอลกอฮอล์ และ สูบบุหรี่หลังฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้

7. ดื่มน้ำให้มากๆ หลังจากฉีดฟิลเลอร์ในช่วง 4 – 5 วันแรก 

    อย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว เพื่อผลลัพธ์ที่ดี เนื่องจากฟิลเลอร์จะดูดซับน้ำขึ้นทรงได้อย่างสวยงาม และทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานยิ่งขึ้น  เพราะฟิลเลอร์ คือ สารไฮยาลูลอนิคซึ่งอุ้มน้ำได้ดี

อาการหลังจากฉีดฟิลเลอร์

            หลังจากฉีดฟิลเลอร์อาจจะมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคัน ได้ในจุดที่ทำเป็นเรื่องปกตินะคะ หลังจากนั้นจะใช้เวลาประมาน 4 – 5 วัน ในการฟื้นฟูอาการบวม และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเข้าที่ในระยะเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ให้หลีกเลี่ยงการจับ การเกา การกดนวดในจุดนั้นๆ หากทำได้อาการต่างๆจะค่อยๆดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือในบางคนอาจจะไม่พบอาการเหล่านี้ และหากมีอาการปวด สามารถทานยาแก้ปวดได้ตามอาการ และสามารถทำงานได้ปกติโดยไม่ต้องพักฟื้นหลังทำค่ะ