sculptra ก่อนหรือหลัง ulthera แบบไหนเห็นผลดีกว่ากัน?
sculptra ก่อนหรือหลัง ulthera แบบไหนดีกว่ากัน? เรียกได้ว่าเป็นคำถามที่หลายคนกำลังหาคำตอบกันอยู่อย่างแน่นอนค่ะ ซึ่งหมอโบต้องขอเกริ่นไว้ก่อนว่าการทำ “Sculptra” นั้นเป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีบำรุงผิวที่ต้องบอกเลยว่าสาว ๆ ในยุคนี้ต้องรู้จัก ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีค่ะว่าปัญหาด้านความสวยความงามที่มักพบเป็นอันดับต้น ๆ คงไม่พ้นปัญหาผิวต่าง ๆ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ก้าวเข้าสู่วัย 40+ ที่ผิวเริ่มมีปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย เนื่องจากคอลลาเจนเริ่มลดลง เทคโนโลยี Sculptra จึงเข้ามามีบทบาทและตอบโจทย์ในการแก้ปัญหานี้ค่ะ อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหนึ่งนวัตกรรมเพื่อผิวอีกชนิดหนึ่งนั่นคือ Ulthera ที่หลาย ๆ คนก็สนใจเช่นกัน และเกิดข้อสงสัยว่าทั้ง 2 นวัตกรรมนี้สามารถทำร่วมกันได้หรือไม่ และหากทำร่วมกันควรทำ sculptra ก่อนหรือหลังการทำ ulthera ถึงจะดีกว่า ?
sculptra ก่อนหรือหลัง ulthera ดีกว่ากัน รู้ทริคไว้จะได้ดูแลผิวให้เป๊ะปังกว่าเดิม!
ปัญหาผิวหน้าเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ควรละเลย เพราะนอกจากจะลดความมั่นใจบนใบหน้าแล้ว ยังอาจเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาจนต้องมานั่งแก้ในภายหลังอีกด้วย ซึ่งจากที่บอกไปค่ะว่าปัญหาผิวนั้นมีหลายประการมาก ๆ ยิ่งโดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ช่วงอายุก้าวเข้าสู่วัย 30-40 ปีขึ้นไป มักจะพบปัญหาได้บ่อยกว่าช่วงวัยอื่น ๆ โดยเฉพาะเรื่องความหย่อนย้อยและการเกิดริ้วรอย ทั้งนี้ยังรวมไปถึง ผิวอ่อนแอไม่ยืดหยุ่น และเกิดริ้วรอยทั้งบริเวณหน้าผาก ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และตีนกา ผิวไม่กระชับและยืดหยุ่นเหมือนเดิม จึงจำเป็นต้องกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวให้ใบหน้ากลับมาเปล่งปลั่งตึงกระชับ ดูมีน้ำมีนวลด้วยนวัตกรรม Sculptra
Sculptra คือ…
Sculptra เป็นสารกำเนิดคอลลาเจนในรูปแบบฉีดที่ประกอบด้วยอนุภาคของ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เติมเต็ม และยกกระชับใบหน้า สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี โดยมุ่งเน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) ได้ดีมากเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นหนึ่งในชนิดของคอลลาเจนที่ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่น ช่วยสมานแผล สามารถพบได้ทั้งในผิวหนัง เส้นผม กระดูก เนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด เป็นต้น
สำหรับผลลัพธ์ภายใน 1-3 เดือนหลังการทำ Sculptra ผิวหน้าจะดูแน่น กระชับ ดูอ่อนเยาว์เด็กลงอย่างเห็นได้ชัด เห็นผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง ผิวกระชับหลังจากได้รับการฟื้นฟูอย่างล้ำลึก และถึงแม้เวลาผ่านไป PLLA จะค่อย ๆ สลายไปตามธรรมชาติ แต่การสะสมของคอลลาเจนยังคงอยู่ Sculptra จึงสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อย่างยาวนาน
Ulthera คือ…
เทคนิค Ulthera เป็นวิวัฒนาการต่อยอดของนวัตกรรมUltrasound ซึ่งมีส่วนช่วยในการยกกระชับใบหน้าให้ดูเด็กและดูอ่อนเยาว์ลงได้หลายปี โดยข้อดีของเทคนิคนี้คือ ไม่ต้องเข้าผ่าตัด แถมวิธีการรักษาก็ไม่ยุ่งยากซับซ้อนด้วยค่ะ ทำให้กลายเป็นทางเลือกใหม่ทางหนึ่งที่ได้รับความนิยมแก่ผู้ที่ต้องการการยกกระชับใบหน้าไม่แพ้การรอยไหมเลย
ซึ่งโปรแกรมนี้มีการทำงานคือ จะเข้าไปช่วยฟื้นฟูผิวพร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสตินเพื่อรักษาปัญหาผิวหย่อนคล้อยบนใบหน้า ด้วยการใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียงความถี่สูงที่มีความเฉพาะเจาะจงและแม่นยำ (Micro Focused Ultrasound Visualization หรือ MFU-V) ส่งเป็นความร้อนลงไปที่ชั้นพังผืดใต้ผิวหนังที่ช่วยพยุงผิว ที่เรียกว่า SMAS ซึ่งอยู่ที่ระดับความลึก 3 และ 4.5 มิลลิเมตร ทำให้ SMAS เกิดการหดตัว และยกกระชับขึ้น โดยจะเห็นเริ่มเห็นผลลัพธ์เต็มที่หลังจาก 3 เดือน และอยู่นานถึง 1 ปี
ไขข้อสงสัย! ฉีด Sculptra ก่อนหรือหลังทำ Ulthera ดีกว่ากัน?
จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมด ทุก ๆ คนสามารถเห็นได้ว่า ทั้ง Sculptra และ Ulthera นั้นมีข้อโดดเด่นเหมือนกันที่ช่วยดูแลผิว กระตุ้นคอลลาเจน กระชับรูขุมขน ทำให้หน้าใส ผิวเด็กลงได้อีกด้วย เรียกว่าตอบโจทย์คนที่อยากมีผิวหน้าเนียนเด้ง จบปัญหาหน้าไม่เป๊ะ ดังนั้น หมอโบขอแนะนำให้ฉีด Sculptra ก่อนการทำ HIFU หรือ Ulthera เพื่อเสริมประสิทธิภาพการยกระชับ หรือจะเป็นการฉีดเสริมกับการรักษาหลุมสิว เพื่อเพิ่มให้ผิวมีสารตั้งต้น ทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
หลักการและกลไกการทำงานของ Sculptra ที่ควรรู้ก่อนเข้ารับบริการ
Sculptra จะมีลักษณะเป็นผง จะต้องผสมด้วย Sterile water เขย่าให้เข้ากันเพื่อฉีดเข้าไปในผิวหนังชั้น Subcutaneous ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นไขมันชั้นลึกค่ะ โดยหลังจากการฉีด ตัวยาจะกระจายตัวไปทั่วชั้นผิว สาร PLLA จะไปเพิ่มปริมาณเซลล์ ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์ที่เป็นตัวสร้างโปรตีนสองชนิด คือ คอลลาเจนและอิลาสติน ที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้โครงสร้างผิวภายในให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ยังคอยพยุงผิวหนังและผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสและเนียนนุ่ม ไปกระตุ้นขบวนการสังเคราะห์เส้นใยคอลลาเจน ผ่านเม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดที่คอยขจัดสิ่งแปลกปลอมที่หลุดรอดเข้าไปในร่างกายมาช่วยในการทำงาน ส่งผลให้ PLLA ค่อย ๆ สลายไป แต่การสะสมของคอลลาเจนยังคงอยู่ จึงสามารถช่วยลบเลือนริ้วรอยให้ดูจางลง และรอยเหี่ยวย่นหรือหลุมลึกดูตื้นขึ้นนั่นเองค่ะ
sculptra เหมาะกับใคร บ้าง?
แม้จะดูเป็นเทคโนโลยีที่ง่าย ๆ ไม่ได้ดูซับซ้อน แต่ต้องบอกก่อนค่ะว่า Sculptra นั้นเหมาะกับผู้ที่ประสบปัญหาผิวหลายกลุ่มด้วยกัน ดังนี้…
- ที่ต้องการยกกระชับผิว ต้องการผิวแน่นอิ่มฟู
- ผู้ที่ริ้วรอยที่เห็นได้ชัด ริ้วรอยจากอายุที่มากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวโดยใช้สารสกัดจากธรรมชาติ
- ผู้ที่ต้องการปรนนิบัติผิวให้เปล่งปลั่งกระจ่างใส
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์หลังทำหัตถการอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่สามารถรักษาสภาพผิวได้ยาวนาน (เนื่องจาก เพราะ Sculptra คงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 2 ปี)
ซึ่งนี่เป็นเพียงกลุ่มผู้เหมาะกับการฉีด Sculptra เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นค่ะ โดยหลัก ๆ จะเน้นไปที่ผู้ที่ประสบปัญหาความหย่อนคล้อยและริ้วรอยต่าง ๆ ซึ่งก่อนเข้ารับบริการ ผู้สนใจสามารถเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์เพิ่มเติมเพื่อทำการวิเคราะห์และวางแผนการให้บริการอย่างละเอียดอีกครั้งค่ะ
sculptra ฉีดตรงไหนได้บ้าง?
จากที่ทุกคนพอจะทราบแล้วค่ะว่า จุดประสงค์หลัก ๆ ของการฉีด Sculptra ก็คือการกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นฟูโครงสร้างผิวใหม่ ช่วยทำให้คอลลาเจนใต้ชั้นผิวมากขึ้น ดังนั้นจึงทำให้ Sculptra สามารถฉีดได้หลายบริเวณด้วยกันค่ะ เช่น ทั่วใบหน้า บริเวณลำคอ หลังมือ ขมับ หรือ บริเวณผิวที่เหี่ยวย่น เป็นต้น เพื่อลดเรือนริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า ลดเม็ดสีทำให้รอยดำรอยแดง ฝ้าจางลง ผิวดูอ่อนเยาวน์ ค่ะ
sculptra เจ็บไหม อันตรายหรือเปล่า?
สำหรับการฉีด Sculptra นั้น จะมีการฉีดยาชาก่อนเหมือนกับขั้นตอนการฉีด ฟิลเลอร์ ทำให้รู้สึกเจ็บน้อยมากหรือไม่เจ็บเลยนั่นเองค่ะ ทั้งนี้ ในเรื่องของความปลอดภัยนั้น ต้องแจ้งเลยว่า Sculptra มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากได้รับการรับรองจาก องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) นอกจากนี้สารกระตุ้นคอลลาเจนนี้ยังถูกนำมาใช้ทางการแพทย์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 อีกด้วย ดังนั้น ทุก ๆ คนสามารถวางใจถึงความปลอดภัยของ Sculptra ได้เลยค่ะ
Sculptra ผลข้างเคียง ที่ควรระวังมีอะไรบ้าง?
เนื่องจากการฉีด Sculptra นั้น เป็นหัตถการที่ต้องใช้เข็มฉีดตัวสารเข้าไปสู่บริเวณต่าง ๆ บนใบหน้าที่ต้องการ ดังนั้น แน่นอนว่าผลข้างเคียงที่อาจตามมาได้ก็จะเป็น อาการบวม ปวด มีรอยแดงในบริเวณที่ฉีดได้ จะค่อย ๆ หายได้เองใน 2-3 วันค่ะ แต่นอกจากเคสเหล่านี้แล้ว ในบางราย อาจคลำพบก้อนเล็ก ๆ ใต้ผิวหนังในช่วงแรก แนะนำให้นวดบริเวณที่ฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ ก้อนดังกล่าว จะค่อย ๆ หายไปเองได้เช่นกันค่ะ
Sculptra วิธีฉีด แบบเบื้องต้นมีกี่ขั้นตอน?
สำหรับขั้นตอนการฉีด Sculptra หลัก ๆ นั้น ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนด้วยกันค่ะ ดังนี้…
- เข้ารับการตรวจ ประเมินสภาพผิวโดยแพทย์ผิวหนัง
- ทายาชา ในบริเวณที่ฉีดประมาณ 45 นาที ขณะที่ทายาชา
- แพทย์เตรียม SCULPTRA ให้อยู่ในรูป Active form โดยผสม SCULPTRA เข้ากับน้ำกลั่นปราศจากเชื้อ (Sterile water)
- แพทย์ฉีด SCULPTRA ลงใต้ชั้นผิวในระดับความลึก 1.5-2 มิลลิเมตร ด้วยเข็มทู่ขนาด 22-25 G
- นวดหน้าเพื่อให้ยากระจายตัว ไปช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว
ซึ่งนี่เป็นเพียงขั้นตอนหลัก ๆ เท่านั้นนะคะ โดยแต่ละคลินิกหรือสถานที่ให้บริการแต่ละที่อาจมีขั้นตอนที่มากหรือน้อยกว่านี้แตกต่างกันออกไปก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
อย่างไรก็ตาม Sculptra นั้น เป็นสารที่ใช้กระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟู ยกกระชับผิว ให้กลับมาเปล่งปลั่งสดใส โดยช่วยบำรุงจากโครงสร้างภายใน ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ยาวนาน แต่ผลลัพธ์ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ควรฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและให้บริการโดยคลินิกที่ได้มาตรฐานและใช้ตัวยาของแท้เท่านั้นด้วย จะช่วยให้เห็นผลได้อย่างแท้จริงและปลอดภัยค่ะ
ฉีด Sculptra ที่ไหนดี ทำไมต้อง Amenla Clinic
เนื่องจากการฉีด Sculptra นั้น แพทย์ผู้ฉีดต้องมีความชำนาญด้านการฉีดฟิลเลอร์อย่างมาก เพราะการฉีด Sculptra จะต้องฉีดใต้ชั้นผิวหนังอย่างถูกต้องด้วยเทคนิคเฉพาะ และเป็นต้องใช้เข็ม Canula เฉพาะในการฉีดเท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในการฉีด Sculptra จึงควรเลือกคลินิกหรือสถานประกอบการพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ ได้มาตรฐานปลอดภัย ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข และเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ มีความชำนาญ และใช้ผลิตภัณฑ์แท้ผ่านอย.ที่สามารถตรวจสอบได้
Ultraformer iii กับ Ulthera ต่างกันอย่างไร ดีไหม ?
SCULPTRA คือ อะไร ? ช่วยเรื่องอะไร ?
ฟิลเลอร์ คืออะไร ฉีดตรงไหนได้บ้าง
ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา แก้ปัญหาริ้วรอยหางตา !
บอกต่อเรื่องเรื่องสำคัญ ของ โบท็อกซ์
โบท็อกซ์ (BOTOX) ช่วยอะไร ฉีดโบท็อกซ์แล้วอยู่ได้นานแค่ไหน
13 เรื่องน่ารู้ฉีดก่อนฟิลเลอร์ร่องแก้ม แก้ไขริ้วรอยร่องแก้มได้ทุกกรณีจริงหรือเปล่า ?
โบท็อกซ์ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? และควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีดโบท็อกซ์
ฟิลเลอร์คืออะไร อันตรายหรือไม่ มีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง ?
ฉีด Exosome ดีไหม มีความแตกต่างจากฟิลเลอร์ยังไง อันตรายหรือเปล่า ?