ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร แนวทางแก้ไขและป้องกันมีอะไรบ้าง ?

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร แนวทางแก้ไขและป้องกันมีอะไรบ้าง ?

ทุกคนที่ฉีดฟิลเลอร์ ไปแล้วย่อมต้องการให้ได้ผลลัพธ์ที่สวย เข้าที่เร็ว ไม่เกิดปัญหา หรือผลข้างเคียงใด ๆ ตามมา ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์นี้ก็ถือว่าเป็นนวัตกรรมการปรับรูปหน้าดูแลผิวพรรณที่เป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะเป็นหัตถการที่เห็นผลเร็ว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บตัว ไม่ต้องพักฟื้น แต่หลังฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วก็สามารถเกิดปัญหาฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนได้เช่นกัน ซึ่งปัญหานี้ก็จัดว่าเป็นปัญหาที่หลายคนเคยเจอ ดังนั้นเราจะพาไปดูกันว่า ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร เป็นอันตรายไหม แล้วจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไรบ้าง ?

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร

หลังจากการฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน มีอาการบวม ผิวดูไม่เรียบเนียน เกิดได้จากหลากหลายสาเหตุด้วยกัน โดยมีดังนี้

1. ใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

เป็นการใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ฟิลเลอร์ที่ไม่ใช่สารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) หรือเป็นฟิลเลอร์ปลอมที่มีราคาถูกนั่นเอง ซึ่งหากฉีดมาแล้วจะทำให้เกิดปัญหาฟิลเลอร์จับกันเป็นก้อน ฟิลเลอร์ไหลย้อยไม่เป็นทรง และไม่สามารถสลายไปเองได้ หากต้องการแก้ไขจะไม่สามารถฉีดสลายได้เหมือนกลุ่มฟิลเลอร์ Hyaluronic acid หรือฟิลเลอร์แท้ จำเป็นต้องทำการผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้น

2. ประสบการณ์และเทคนิคการฉีดของแพทย์

แพทย์ผู้ฉีดจะต้องมีความรู้ความชำนาญของโครงสร้างสรีรวิทยาของร่างกายมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับชั้นผิว ไขมัน กล้ามเนื้อ รูปกระดูก และต้องมีประสบการณ์ในการฉีด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด หากแพทย์ไม่มีความชำนาญในการประเมินปริมาณที่ควรใช้ฉีด หรือใช้เทคนิคในการฉีดไม่ถูกต้อง เนื่องจากปัญหาหรือบริเวณที่ต้องการแก้ไขของคนไข้แต่ละคนย่อมมีความแตกต่างกัน หากแพทย์ไม่มีประสบการณ์ก็อาจจะทำให้มีความเสี่ยงในการฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนบวมได้

3. ปริมาณที่ใช้ฉีด

การฉีดฟิลเลอร์ด้วยปริมาณที่ไม่เหมาะสม หรือฉีดมากเกินความจำเป็นในจุดที่ต้องการแก้ไขก็จะส่งผลให้เกิดเป็นก้อนบวมที่เห็นชัดเจนได้ รวมทั้งการฉีดผิดชั้น หรือเลือกใช้ยี่ห้อที่ไม่เหมาะสมกับปัญหาบริเวณที่ต้องการรักษาก็อาจทำให้เป็นก้อนได้เช่นกัน เพราะสภาพผิวของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน แพทย์จึงต้องพิจารณาความเหมาะสมเป็นรายบุคคลก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์

4. ชนิดของฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด

ปัจจุบันยี่ห้อของฟิลเลอร์มีด้ววยกันหลากหลายรุ่นมาก ๆ ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นลักษณะเนื้อฟิลเลอร์ หรือขนาดของโมเลกุล ที่จะออกแบบมาให้เลือกใช้ฉีดในแต่ละจุดที่แตกต่างกันด้วย หากฉีดในผิวชั้นลึกควรใช้ฟิลเลอร์ที่มีขนาดของโมเลกุลที่มีความหนาแน่นสูง เพราะถ้านำมาฉีดในผิวชั้นตื้นเวลาขยับหรือแสดงสีหน้าก็จะทำให้ดันจนเป็นก้อนได้ เช่น การนำฟิลเลอร์ที่มีลักษณะเนื้อค่อนข้างเหนียว หรือมีความแข็ง โมเลกุลหนาแน่นมาใช้ฉีดบริเวณใต้ตา ฟิลเลอร์ก็มีโอกาสจับตัวกันเป็นก้อนแข็งใต้ตาได้นั่นเอง

5. ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวไปตำแหน่งอื่น

สำหรับการฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ หรือฉีดผิดชั้น หรือใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม และฉีดในบริเวณที่มีการขยับของใบหน้าเยอะ ก็สามารถส่งผลให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ไปในตำแหน่งอื่นได้ ซึ่งบริเวณที่มักพบการเคลื่อนของฟิลเลอร์ เช่น ขมับ ร่องแก้ม และบริเวณรอบปาก เป็นต้น

 

ทั้งนี้ หลังฉีดฟิลเลอร์แล้วมีลักษณะเป็นก้อน หรือมีอาการบวมเล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นเพียงผลข้างเคียงหลังการฉีดเฉย ๆ แนะนำให้รอดูผลหลังฉีดประมาณ 2-3 วัน อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเอง และอาการบวมจะเริ่มยุบลงและเห็นผลลัพธ์ชัดเจนประมาณ 7-14 วัน หากหลังจากนั้นยังมีอาการบวม หรือมีก้อนบวมใหญ่ขึ้น ให้กลับไปพบแพทย์ผู้ฉีดอีกครั้ง เพื่อประเมินและทำการรักษา

ตำแหน่งที่มักพบปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนมีจุดไหนบ้าง

บริเวณที่คนนิยมฉีด filler เพื่อแก้ไขปัญหาผิวหน้าต่าง ๆ และมักพบอาการเป็นก้อนบวม มีหลายจุดด้วยกัน ได้แก่

  • หน้าผาก ขมับ จะมีลักษณะเป็นคลื่น ผิวไม่เรียบเนียน เป็นก้อนนูนขึ้นมา เกิดจากการฉีดในชั้นผิวที่ตื้นเกินไป
  • ใต้ตา จะเห็นเป็นก้อนบวม ผิวไม่เนียน ย้อย เป็นถุงใต้ตา เกิดจากการฉีดในชั้นผิวที่ตื้นเกินไป หรือเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไม่เหมาะสม 
  • ร่องแก้ม มีลักษณะเป็นก้อน ผิวไม่เรียบเนียน เกิดจากการใช้ปริมาณที่ไม่เหมาะสม ฉีดผิดตำแหน่ง ซึ่งควรฉีดในชั้นกระดูกใต้กล้ามเนื้อ และฉีดในจุดที่ต่ำกว่าร่องแก้มเล็กน้อย
  • ปาก จะมีลักษณะคล้ายปากเป็ด ปากดูอวบอิ่มมากเกินไป ปากใหญ่ ปากเจ่อ ดูไม่เป็นธรรมชาติ ไม่รับกับใบหน้า เกิดจากการฉีดในปริมาณที่มากเกินไป 
  1. คาง จะดูเป็นคางคล้ายแม่มด คางดูแหลม คางย้อย จะเห็นชัดมากขึ้นเวลาพูดและยิ้ม เกิดจากการที่ฉีดฟิลเลอร์คางในชั้นผิวที่ตื้นเกินไป จนทำให้กล้ามเนื้อดึงฟิลเลอร์มารวมตัวกันเป็นก้อน 

ฟิลเลอร์เป็นก้อนอันตรายไหม

อาการฟิลเลอร์เป็นก้อนมีทั้งแบบที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย หากฟิลเลอร์เป็นก้อนหลังฉีดที่ไม่ได้มีการติดเชื้อจะไม่เป็นอันตราย แต่อาจจะทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนและไม่สวยงาม ซึ่งมักจะเกิดหลังจากฉีดฟิลเลอร์มาในช่วงแรก ๆ แต่ก้อนฟิลเลอร์นี้จะค่อย ๆ ยุบลงจนฟิลเลอร์สลายหมดไปในที่สุด 

ในส่วนของฟิลเลอร์เป็นก้อนที่เกิดจากอาการอักเสบและติดเชื้อ โดยจะมีอาการอื่น ๆ รวมด้วย เช่น เจ็บ แดง เป็นหัวหนอง หรือฝี และมีอาการปวดบวมขึ้นเรื่อย ๆ ถือว่าเป็นอันตราย ควรรีบกลับไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยด่วน เพราะหากปล่อยไว้นานอาจจะทำให้การติดเชื้อลามมากขึ้นจนเกิดเป็นแผลเนื้อตายได้ ซึ่งลักษณะเป็นก้อนที่มีการติดเชื้อนี้มักมาจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ผ่าน อย. และไม่สามารถสลายไปได้เอง

 

วิธีการแก้ปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์เป็นก้อน ทำอย่างไรได้บ้าง

การแก้ไข filler เป็นก้อน จะมีอยู่ด้วยกัน 3 วิธีหลัก ๆ ซึ่งจะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพื่อที่แพทย์จะหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมและมีความปลอดภัยต่อคนไข้มากที่สุด

1. ฉีดสลายฟิลเลอร์

ฉีดสลายเป็นวิธีที่สามารถสลายฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid หรือฟิลเลอร์แท้เท่านั้น ซึ่งจะใช้ตัวยาไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase : HYAL) ฉีดเพื่อสลายฟิลเลอร์ โดยแพทย์จะประเมินปริมาณยาสลายที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ ที่ฉีดฟิลเลอร์มาเช่นกัน หลังฉีดสลายจะเห็นผลทันทีในบางส่วน และจะเห็นผลมากขึ้นประมาณ 1-3 วัน ซึ่งจะสามารถสลายออกไปได้หมด 100% แต่ในบางรายที่ฉีดมาหลาย CC หรือเนื้อฟิลเลอร์แข็ง ทำให้สลายยาก สามารถกลับมาฉีดสลายซ้ำอีกครั้งได้

2. ขูดฟิลเลอร์ออก

การขูดออกเป็นวิธีที่แก้ปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนสำหรับคนที่ฉีดด้วยสารที่ไม่ใช่ชนิดไฮยาลูรอน โดยจะเป็นฟิลเลอร์ชนิดที่ไม่สามารถสลายไปเองได้ เช่น Polyamine (Aqualift), Hydrophilic Gel ซึ่งจะต้องทำการขูดออก แต่จะสามารถเอาออกได้แค่ 60-70% เท่านั้น ไม่สามารถเอาออกได้หมด หรือสลายหมดเหมือนฟิลเลอร์แท้

3. ศัลยกรรมผ่าตัดเอาฟิลเลอร์ออก

วิธีที่เหมาะสำหรับคนที่ฉีดฟิลเลอร์ประเภทซิลิโคนเหลว ซึ่งเป็นชนิดที่ไม่สามารถสลายได้ ทำให้เป็นก้อนขนาดใหญ่และแข็งมาก รวมทั้งผู้ที่ฉีดมานานจนเกิดเป็นพังผืด แต่วิธีการผ่าตัดนี้ก็ไม่สามารถเอาฟิลเลอร์ออกหมดได้เช่นกัน และมีความเสี่ยงในเรื่องของเส้นประสาท หรือเส้นเลือดสำคัญต่าง ๆ ดังนั้นหากต้องการแก้ปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนด้วยวิธีนี้ ต้องปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมก่อนทำการผ่าตัด

แนวทางการป้องกันไม่ให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน

  1. ศึกษาข้อมูลการฉีดฟิลเลอร์เบื้องต้นก่อนฉีด 
  2. เลือกฉีดกับคลินิกที่เปิดอย่างถูกต้อง น่าเชื่อถือ มีเลขใบอนุญาตประกอบกิจการ เพื่อความปลอดภัย
  3. เลือกฉีดกับแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์มาก่อน ไม่ฉีดกับหมอเถื่อน หรือหมอกระเป๋า
  4. ฉีดด้วยฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ และต้องผ่าน อย. เท่านั้น โดยขอดูยี่ห้อฟิลเลอร์ก่อนฉีดกับทางคลินิกได้
  5. ใช้ปริมาณของฟิลเลอร์ที่ความเหมาะสมกับปัญหาที่ต้องการแก้ไขในแต่ละจุด ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถประเมินได้อย่างเหมาะสม

          ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน มักจะเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งการป้องกันที่ดีที่สุด ก่อนทำการฉีดควรพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัยด้วยกัน เช่น ควรเลือกฉีดกับคลินิกที่น่าเชื่อถือ แพทย์มีประสบการณ์สูง ใช้ยี่ห้อและใช้ปริมาณที่เหมาะสมกับปัญหาแต่ละจุด ก็จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน และได้ผลลัพธ์ที่เนียนสวย ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์คืออะไร อันตรายไหม ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?

ฟิลเลอร์คืออะไร อันตรายหรือไม่ มีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง ?

ฟิลเลอร์คืออะไร อันตรายหรือไม่ มีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง ?

ฟิลเลอร์ Biohyalux คืออะไร ดีไหม ?

รู้ก่อนฉีด ฟิลเลอร์คืออะไร ฉีดตรงไหนได้บ้าง ?

ฉีดฟิลเลอร์แก้ขมับตอบได้จริงมั้ย ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ?

ฟิลเลอร์ร่องแก้มคืออะไร ?

ฟิลเลอร์ Hyabell คืออะไร ?

ใต้ตาหมองคล้ำ ขอบตาดำ แก้ไขได้! ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า คืนความอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องศัลยกรรม