ฟิลเลอร์ร่องแก้ม (Midcheek Groove Filler) คืออะไร
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม (Midcheek Groove Filler Injection) คือ การฉีดสารเติมเต็มเข้าที่ใต้ผิวหนัง เพื่อแก้ไขปัญหารอยร่องแก้มบนใบหน้าจากสาเหตุต่างๆ ซึ่งสารสังเคราะห์ที่ใช้ฉีดเป็นฟิลเลอร์ในปัจจุบันมีเพียง “กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic acid)” เท่านั้น
เนื่องจากไฮยาลูรอนิคเป็นสารที่มีอยู่ในผิวหนังของเราอยู่แล้ว จึงเป็นฟิลเลอร์ที่ค่อนข้างปลอดภัย โอกาสแพ้มีน้อยกว่าสารสังเคราะห์อื่นๆ สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ และยังสามารถแก้ไขผลการรักษาได้ด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์อีกด้วย
โดยยี่ห้อของฟิลเลอร์เติมร่องแก้มมีหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่นให้เลือกฉีดตามลักษณะเนื้อของฟิลเลอร์ เพื่อแก้ไขปัญหาร่องแก้มที่ต้นเหตุอย่างเหมาะสม ตัวอย่างยี่ห้อฟิลเลอร์ ได้แก่ Juvederm, Belotero, Restylane, Neuramis,เป็นต้น
“นอกจากการฉีดแก้มด้วยฟิลเลอร์แล้ว ยังมีการฉีดไขมันร่องแก้มเพื่อแก้ไขปัญหาร่องแก้มลึกด้วย ซึ่งการฉีดกราฟไขมันจะค่อนข้างปลอดภัยมาก เนื่องจากไขมันที่นำมาฉีด มักจะนำมาจากไขมันบริเวณหน้าท้องหรือต้นขาของร่างกายผู้เข้ารับการรักษาเอง ทำให้ไม่เสี่ยงแพ้เลย แต่ข้อเสียหลักๆ ของการฉีดไขมันร่องแก้มคือผลการฉีดจะอยู่ถาวร ไม่สามารถสลายตัวได้ เหมือนฟิลเลอร์ หากไม่พอใจผลการรักษา หรือหากอายุมากขึ้น รูปหน้าเปลี่ยน ผลการฉีดไขมันไม่ดีเท่าเดิม จะแก้ไขผลการรักษาได้ยากกว่าการฉีดฟิลเลอร์มาก”
ทำไมถึงต้องฉีดฟิลเลอร์ที่ร่องแก้ม
ร่องแก้มลึกเกิดจากอะไร ? ปัญหาร่องแก้ม (Malar Groove, Midcheek Groove, หรือ Nasolabial Fold) สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ส่วนใหญ่เกิดจากการที่อายุมากขึ้น ทำให้ปริมาณกระดูกบริเวณใต้ตาและร่องแก้มลดลง ส่งผลให้ไขมันและเอ็นในบริเวณแก้มและตาหย่อนลง จากการที่ไม่มีฐานกระดูกดันทรงไว้อย่างเดิม
การที่กระดูกใบหน้าลดลงส่งผลให้เกิดถุงใต้ตา ตาลึกโหล ร่วมกับแก้มห้อย ย้อยลงมารวมกันอยู่ที่บริเวณเหนือกล้ามเนื้อร่องแก้ม จนทำให้เห็นรอยต่อระหว่างหน้าแก้ม กับส่วนที่เป็นจมูกและปากเป็นเส้นชัดเจน ซึ่งแก้มที่ห้อยย้อยรวมถึงรอยร่องแก้มนี้เอง ทำให้ดูอายุมากขึ้น
นอกจากสาเหตุดังกล่าวแล้ว ปัญหาร่องแก้มอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้ด้วย เช่น
-
ไขมันบริเวณแก้มมีเยอะกว่าปกติ
- กล้ามเนื้อบริเวณร่องแก้มทำงานมากเกินไป
- กล้ามเนื้อและเอ็นบริเวณแก้มไม่แข็งแรง หย่อนลงกว่าที่ควรเป็น ส่งผลให้แก้มห้อยลงมามากกว่าปกติ
-
ผิวหนังขาดความชุ่มชื้นจนเห็นร่องแก้มเป็นรอยพับหลังจากยิ้ม
การฉีดร่องแก้มสามารถแก้ไขปัญหาร่องแก้มลึกได้เฉพาะปัญหาร่องแก้ม ที่เกิดจากสาเหตุต่อไปนี้
-
ปริมาณกระดูกบริเวณใต้ตาและร่องแก้มลดลง – สามารถฉีดฟิลเลอร์แก้มที่มีเนื้อแข็ง เพื่อเติมฐานกระดูกที่หายไป จะฉีดบริเวณใต้ตา แบบเดียวกับฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดบริเวณร่องแก้ม หรือฉีดร่วมกันทั้งสองบริเวณก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าปัญหาร่องแก้มดังกล่าวเกิดจากกระดูกบริเวณใด
ฟิลเลอร์ร่องแก้มที่ฉีดแทนที่กระดูกจะทำให้ไขมันและเอ็นบริเวณแก้มถูกดันกลับเข้าไปที่เดิม ร่องแก้มจะตื้นขึ้นและจางลง อาจฉีดฟิลเลอร์บริเวณผิวหนังตื้นๆ ร่วมด้วยได้ เพื่อช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มจากผิวหนังด้านบน - กล้ามเนื้อบริเวณร่องแก้มทำงานมากเกินไป – สามารถแก้โดยการฉีดโบท็อก (Botox) เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อ และสามารถฉีดฟิลเลอร์เสริมเพื่อกดกล้ามเนื้อ หรือหนุนกล้ามเนื้อให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
-
ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น – ในกรณีนี้สามารถฉีดฟิลเลอร์เนื้อที่ค่อยข้างนิ่มในบริเวณผิวหนังชั้นตื้นๆ เพื่อแก้ไขได้ เนื่องจากฟิลเลอร์ที่เป็นกรดไฮยาลูรอนิคนั้น นอกจากจะทำให้ผิวหนังเต็มขึ้น ยังทำให้ผิวชุ่มชื้นมากขึ้นได้ด้วย
ในกรณีอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ อย่างการที่มีไขมันมากเกินไป กล้ามเนื้อและเอ็นหย่อนมากเกินไป หรือกระดูกยุบตัวลงมากจากอายุที่มากขึ้นหรืออุบัติเหตุ อาจจะต้องแก้ไขร้องแก้มที่เกิดขึ้นด้วยวิธีการอื่นๆ ตัวอย่างเช่น การฉีดสลายไขมัน การดูดไขมัน ผ่าตัดศัลยกรรมเสริมร่องแก้ม ดึงร่องแก้ม บางรายอาจจะต้องใช้วิธีการเหล่านี้ร่วมกัน หรือทำร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มด้วยอีกทีหนึ่ง
ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาร่องแก้ม สนใจฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ควรศึกษาหาข้อมูลให้ดี พร้อมทั้งปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง เพื่อให้ทราบว่าปัญหาร่องแก้มลึกที่เกิดขึ้น ควรแก้ไขด้วยวิธีใด จะได้แก้ไขอย่างตรงจุด
“ปัญหาร่องแก้มจากเอ็นหย่อนเล็กน้อย มีไขมันส่วนเกิน หรือใบหน้าขาดน้ำ สามารถแก้ไขในเบื้องต้นได้ด้วยการดูแลตนเอง โดยวิธีลดร่องแก้มด้วยวิธีการตามธรรมชาติ ได้แก่ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมากๆ ทาครีมบำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ผ่อนคลายความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้สุขภาพผิวและปัญหาร่องแก้มดีขึ้นได้แล้ว”
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม หรือ Botox แบบไหนดีกว่ากัน
การแก้ไขปัญหาร่องแก้ม สามารถทำได้ทั้งการฉีดโบท็อก และการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ทั้งนี้ การจะพิจารณาว่าวิธีการใดดีกว่า ขึ้นอยู่กับว่าปัญหาร่องแก้มเกิดจากสาเหตุใด
โบท็อกซ์ เป็นหัตถการรักษารอยเหี่ยวย่นของผิวหนังที่เกิดจากขยับกล้ามเนื้อ โดยการฉีดสารที่มีชื่อว่าโบทูลินัม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin type A) เข้าสู่ผิวหนัง ซึ่งสารดังกล่าวเป็นสารพิษที่ได้จากแบคทีเรีย ออกฤทธิ์กับระบบประสาททำให้กล้ามเนื้อทำงานได้ลดลง เมื่อการขยับกล้ามเนื้อลดลง ริ้วรอยก็จะลดลงได้ด้วยนั่นเอง
ปัญหาริ้วรอยร่องแก้ม สามารถใช้โบท็อกแก้ปัญหาได้เพียงกรณีมีร่องแก้มจากการที่กล้ามเนื้อทำงานมากเกินไป การฉีดโบท็อกจะไปลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าว ทำให้รอยร่องแก้มลดลง แต่ถ้าโบท็อกเพียงอย่างเดียว จะทำให้กล้ามเนื้อลดการทำงานมากเกินไป ขณะยิ้มก็จะยิ้มได้ไม่มาก ดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่ถ้าใช้โบท็อกในปริมาณที่น้อยเกินไป ร่องแก้มก็จะไม่หาย
ในปัจจุบันผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มจากกล้ามเนื้อทำงานมากเกินไป จึงนิยมฉีดโบท็อกร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มด้วยเทคนิค Myomodulation ซึ่งเป็นการฉีดฟิลเลอร์เพื่อหนุน หรือกดกล้ามเนื้อ ทำให้หลังฉีดร่องแก้มหายไป และทำให้รอยยิ้มยังคงดูสดใสและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มช่วยในเรื่องอะไรบ้าง
- แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก
- แก้ปัญหาแก้มห้อย ลงมาด้านหน้าหรือด้านข้างจนทำให้ดูมีอายุ
- แก้ปัญหาถุงใต้ตา ตาลึกโหลพร้อมๆ กับการแก้ปัญหาร่องแก้ม
- ยกกระชับใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูเด็กลง
- ทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น รอยยับบนใบหน้าจากผิวแห้งลอกลดลง
-
ทำให้ใบหน้าดูเต่งตึง ฉ่ำน้ำ ผิวสุขภาพดีขึ้น
เหตุผลที่ต้องเลือก ฟิลเลอร์ Restylane !
ฟิลเลอร์ เติมเต็มจุดไหนดี ? ช่วยเรื่องอะไร ?
ใต้ตาหมองคล้ำ ขอบตาดำ แก้ไขได้! ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ฉีดฟิลเลอร์ขมับตอบ เตรียมตัวอย่างไร ?
วิธีสังเกตฟิลเลอร์ปลอม และอันตรายจากฟิลเลอร์ปลอม
สลายฟิลเลอร์ ใช้เวลานานมั้ย? ต้องรอกี่วัน สามารถฉีดซ้ำได้หรือไม่?