“ฟิลเลอร์” เติมเต็มใบหน้า เพื่อความสวยทุกมิติ

“ฟิลเลอร์” เติมเต็มใบหน้า เพื่อความสวยทุกมิติ

หากพูดถึง “ฟิลเลอร์” เชื่อว่าสาวๆ หลายคนคงรู้จักหรือได้ยินมาบ้าง เพราะฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาและจุดบกพร่องของใบหน้าได้อย่างดีและมีผลลัพธ์ที่รวดเร็ว อย่างไรก็ตามฟิลเลอร์ที่อยู่ตามท้องตลาดก็มีหลากหลายชนิด ซึ่งมีทั้งปลอดภัยและอันตราย ดังนั้นสาวๆ ผู้รักความงามควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อความสวยสมบูรณ์และไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง

ฟิลเลอร์ คืออะไร?

ฟิลเลอร์ (Filler) หรือสารเติมเต็ม คือสาร Hyaluronic Acid หรือ HA เป็นโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide) ที่มีอยู่ในร่างกายอย่างผิวหนังและกระดูกอ่อน เมื่อผสมรวมกับน้ำจะขยายตัวอยู่ในรูปของเนื้อเจลซึ่งเป็นสารประกอบของคอลลาเจนที่มีอยู่แล้วในผิวหนัง ซึ่งคอลลาเจนนั้นเป็นโปรตีนสำคัญและเป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง ทำให้เมื่อมีการฉีดฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มริ้วรอยและแก้ไขปัญหาจุดบกพร่องของใบหน้าและบริเวณที่ต้องการได้

ประเภทของฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์แบ่งหลักๆ ได้ 2 ประเภท ได้แก่

  1. ฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายได้เอง คือพวกสารแปลกปลอม เช่น ซิลิโคน หรือ พาราฟิน สารกลุ่มนี้จะมีราคาถูกและอันตราย ไม่สามารถย่อยสลายเองได้ เป็นสารไม่ปลอดเชื้อที่ห้ามใช้ทางการแพทย์ ซึ่งสารเหล่านี้ไม่สามารถฉีดสลายได้ ต้องขูดออกอย่างเดียวเท่านั้น
  2. ฟิลเลอร์ที่สลายได้เอง สำหรับฟิลเลอร์ที่สลายได้เอง ก็จะแบ่งได้ 2 รูปแบบ คือ ฟิลเลอร์และสกินบูสเตอร์
    • ฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) ช่วยเติมเต็มเข้าใต้ผิวหนังบริเวณจุดต่างๆ ของใบหน้าเพื่อเติมเต็มในบริเวณนั้นๆ หรือปรับแต่งรูปทรงสัดส่วนของใบหน้าให้ได้รูปทรงที่สวยงามมากยิ่งขึ้น เช่น ปีกจมูก สันจมูก ริ้วรอยใต้ตา ร่องแก้ม โหนกแก้ม ปลายคาง ริ้วรอยบนหน้าผาก
    • สกินบูสเตอร์ เป็นโมเลกุลของฟิลเลอร์ที่เป็น Non animal stabilized hyaluronic acid ซึ่งมีขนาดของโมเลกุลที่เล็กมาก ออกแบบมาเฉพาะตัวให้มีความอุ้มน้ำในระดับที่พอดีอยู่ที่ผิวชั้นหนังแท้และคงความชุ่มชื้น ต่อเนื่องโดยไม่ทำให้ผิวบวมหรือเปลี่ยนแปลงรูปหน้าไป โดยผ่านการฉีดเข้าใต้ผิวหนังให้กระจายทั่วใบหน้า เพื่อช่วยเสริมสร้าง การเก็บน้ำในผิว ทำให้ผิวบริเวณนั้นมีความชุ่มชื่น และดูเรียบเนียนอ่อนเยาว์

ตำแหน่งที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้

  • สันจมูก ใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งเติมสันจมูกให้ดูโด่งขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ใต้ตา ฉีดเติมเต็มเบ้าตา ร่องน้ำตาลึก หรือแก้ไข้ให้ถุงใต้ตาดูเรียบเนียนขึ้น
  • ตีนกา เติมร่องตีนกาให้ตื้นขึ้น
  • รอยลึกร่องแก้มและร่องน้ำหมาก เป็นจุดที่ฉีดแล้วทำให้หน้าดูเด็กลงได้หลายปี
  • คาง คนคางสั้นสามารถเติมคางให้ดูเรียวยาวขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • หน้าผาก ทำได้ทั้งลดริ้วรอยที่เป็นเส้นย่นๆ และเติมให้หน้าผากดูนูนเป็นทรงสวย
  • ริมฝีปาก ทำให้ปากดูอวบอิ่มเป็นทรงขึ้น รวมถึงสามารถฉีดลดริ้วรอยเล็กๆ รอบริมฝีปากได้
  • รอยหลุมสิว ช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น
  • คอและบริเวณเนินอก ช่วยลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวหนังมีความเรียบเนียนกระชับมากขึ้น
  • หลังมือ ลดเลือนริ้วรอยทำให้ผิวหนังเรียบเนียนเต่งตึง

ฟิลเลอร์เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยที่เป็นร่องลึก
  • ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยจากวัยที่เพิ่มขึ้น
  • ผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตา ร่องน้ำตาลึก ใต้ตาลึกทำให้ดูคล้ำ
  • ผู้ที่ต้องการแก้ไขฝีปากไม่ได้รูป หรือริมฝีปากบาง
  • ผู้ที่ต้องการเติมส่วนต่างๆ บนใบหน้า เช่น จมูก หน้าผาก คาง
  • ผู้ที่มีปัญหารอยหลุมสิวและรูขุมขนกว้าง
  • ผู้ที่ต้องการให้ผิวชุ่มชื้นดูฉ่ำน้ำ

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์จะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วทันใจ ใช้เวลาน้อย สามารถยกกระชับหรือปรับโครงสร้างใบหน้าให้ได้รูป หรือเติมจุดที่ดูสูงวัยแลดูหย่อนคล้อยตามจุดต่างๆ ทั้งใบหน้าและรูปร่างให้ดูอ่อนเยาว์ได้ตามต้องการ รวมทั้งช่วยเสริมโหงวเฮ้งตามความเชื่อได้อีกด้วย

ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน

ฟิลเลอร์ที่สามารถย่อยสลายไปเองได้ตามกระบวนการทำงานของร่างกาย โดยปกติมีผลลัพธ์การรักษาจะอยู่ได้ประมาณ 9-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลของแต่ละบุคคล

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์

โดยเบื้องต้นห้ามรับประทานยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด เช่น แอสไพรินและวิตามินอี และถ้ามีอาการแพ้ยาจะต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบล่วงหน้า

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

  1. ภายใน 48 ชั่วโมงหลังฉีดฟิลเลอร์ ไม่ควรออกกำลังกายหนักที่ทำให้เหงื่อออกมาก หรือไปตากแดดร้อนๆ เพราะอาจทำให้เกิดรอยแดงได้มากยิ่งขึ้นในบริเวณที่ฉีด และไม่ควรจับ ลูบคลำ นวด คลึง หรือปั้นให้เป็นรูปร่างเองในบริเวณนั้น เพราะอาจส่งผลต่อการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยาไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ต้องการได้
  2. ภายใน 48 ชั่วโมงหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ กรณีฟิลเลอร์ริมฝีปาก ควรงดการดูดจากหลอดดูด และการจูบ
  3. ควรดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วง 4 วันแรกหลังการฉีด ควรดื่มน้ำให้ได้ปริมาณ 1.5-2 ลิตรต่อวัน เพราะฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ ซึ่งน้ำจะเข้าไปเติมเต็มและเข้าไปจับโมเลกุลของฟิลเลอร์ที่ฉีด ส่งผลให้คงสภาพอยู่ได้นานขึ้น
  4. ภายใน 2 สัปดาห์หลังฉีด ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนในบริเวณที่ฉีด งดเข้าอบไอน้ำ อบซาวน่า ทำเลเซอร์ ทำ RF หรือ ไอออนโต (Ionto) เพราะการสัมผัสความร้อนเฉพาะจุดเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อฟิลเลอร์ได้ ความร้อนในระดับที่สามารถ สัมผัสได้คือ ไดร์เป่าผม และแสงแดดที่ไม่แรงจ้าเกินไปได้ แต่หลังจาก 2 สัปดาห์ขึ้นไปแล้วก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  5. หลังจาก 24 ชั่วโมง สามารถทาแป้งแต่งหน้า ลง Concealer หรือ รองพื้นปกปิดบริเวณที่เขียวช้ำ หรือรอยแดงจากเข็มได้ตามปกติ
  6. เมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์ สามารถทำ Treatment อื่นๆ ได้ตามปกติ (ยกเว้น Laser, Rf และ Ionto ต้องรอ 2 สัปดาห์)

สำหรับสาวๆ ที่ศึกษาข้อมูลครบถ้วนแล้ว และมีความต้องการที่จะใช้ฟิลเลอร์เป็นตัวเลือกเพื่อเสริมความมั่นใจให้ใบหน้าของตัวเอง ควรเลือกสถานบริการด้านความงามที่น่าเชื่อถือ และอยู่ภายใต้การดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความสวยที่สมบูรณ์ มั่นใจ และปลอดภัยของคุณ

“Belotero” ฟิลเลอร์ตัวท็อปจากสวิตเซอร์แลนด์

ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง ?

ควรรู้อะไรบ้างก่อนฉีดฟิลเลอร์ (Filler)

13 เรื่องน่ารู้ฉีดก่อนฟิลเลอร์ร่องแก้ม แก้ไขริ้วรอยร่องแก้มได้ทุกกรณีจริงหรือเปล่า ?

6 คำถามฮิต ฟิลเลอร์ใต้ตา !!

ถาม – ตอบ เรื่องโบท็อกซ์ !!!

รวมสิ่งที่ควรรู้ ก่อนฉีดโบท็อกซ์

บอกต่อเรื่องเรื่องสำคัญ ของ โบท็อกซ์

ทำความรู้จัก “โบท็อกซ์” หัตถการที่เป็นมากกว่าการเสริมความงาม

โบท็อกซ์คืออะไร ข้อดี-เสีย ของการฉีดโบท็อกซ์

โบท็อกซ์คืออะไร ทำไมต้องฉีดโบท็อกซ์ ?

Ultraformer iii กับ Ulthera ต่างกันอย่างไร ดีไหม ?

Ultraformer III กกระชับผิวหน้าและสลายไขมันใต้ชั้นผิว

อายุเท่าไหร่ควรเริ่มฉีด Botox !?

รู้ก่อนฉีด ฟิลเลอร์คืออะไร ฉีดตรงไหนได้บ้าง ?