โบท็อกซ์คืออะไร ช่วยเรื่องผิวหน้าได้อย่างไร ? ดูแลยังไงถึงจะเห็นผลยาวนาน ?
โบท็อกซ์คืออะไร
โบท็อกซ์ (Botulinum Toxin A) เป็นสารสกัดจากแบคทีเรียคลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายแล้วสารดังกล่าวจะจับปลายเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อ ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดอยู่ในสภาพหดตัวไม่ได้และคลายตัวลง กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดจึงดูกระชับ เรียบเนียน ริ้วรอยดูจางลง โบท็อกเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 3 – 7 วัน เห็นผลสูงสุดในช่วงสัปดาห์ที่ 2 หลังการฉีด และคงสภาพอยู่ได้นานประมาณ 3 – 6 เดือน แต่เนื่องจากมีฤทธิ์ไม่ถาวรจึงทำให้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาเป็นประจำ
ผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกซ์
โบท็อกเป็นสารสกัดที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายและไม่ตกค้างอยู่ในร่างกาย หลังจากฉีดไปสักพักหนึ่งแล้วโบท็อกจะสลายเองตามธรรมชาติ แต่ก็มีผลข้างเคียงหลังการฉีดเหมือนกันนะคะ ซึ่งแต่ละคนอาจได้รับผลข้างเคียง ดังนี้
- ปวดศีรษะ
- รู้สึกเจ็บ ๆ คัน ๆ
- มีรอยฟกช้ำจากการใช้เข็มฉีดยาบริเวณหางตา
- ปวดบวมบริเวณที่ฉีดและกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉพาะที่
- อาการคิ้วหรือหนังตาตก
- หน้าผากตกตึง
โดยทั่วไปแล้วผลข้างเคียงเหล่านี้มักหายไปเองภายใน 1 – 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชำนาญของหมอและการดูแลตัวเอง
แต่ในกรณีที่คุณฉีดกับหมอที่มีประสบการณ์น้อย หรือหมอกระเป๋า อาจเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น
- ใบหน้าตึง ไม่สามารถบังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้ แสดงสีหน้าได้ไม่เต็มที่
- หนังตาตก ทำให้หนังตาดูอ่อนแรง เหมือนคนง่วงนอน
- หน้าผากตกตึง เมื่อหน้าผากดูตกลง ส่งผลให้ดวงตาตกลง เหมือนคนง่วงนอน
- หางคิ้วกระดก เกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณคิ้วยกตัวขึ้น ทำให้คิ้วเลิกสูงขึ้น ดูเหมือนคนตื่นตัวตลอดเวลา
โบท็อกซ์เหมาะกับใคร และไม่เหมาะกับใครบ้าง
โบท็อกเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าและผู้ที่ต้องการกระชับใบหน้าให้ดูเด็กลง คนไข้สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป เหตุผลที่ควรเริ่มฉีดตั้งแต่อายุยังน้อยนั้นเพราะจะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและป้องกันไม่ให้ผิวหย่อนคล้อยตามวัยได้มากกว่าผู้ที่ไม่เคยฉีดเลย ทั้งนี้โบท็อกไม่เหมาะกับผู้ที่มีความผิดปกติทางกล้ามเนื้อและระบบประสาท และคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ช่วงให้นมบุตร
ฉีดโบท็อกซ์ตรงไหนได้บ้าง
1.โบท็อกซ์ริ้วรอย
สำหรับการฉีดลดริ้วรอยนั้นสามารถฉีดได้ทั่วทั้งใบหน้า ได้แก่ รอยย่นบนหน้าผาก หัวคิ้ว รอยตีนกา รอบดวงตา สันจมูก คาง ริ้วรอยรอบปาก และร่องแก้ม ซึ่งเป็นรอยย่นที่ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ดูไม่สดใส นอกจากจะแก้ปัญหาได้ในไม่กี่นาทีแล้วยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยเพิ่มขึ้นในอนาคต
2. โบท็อกซ์กรอบหน้า
การฉีดกรอบหน้าจะช่วยให้ใบหน้าเรียว ดูเข้ารูป มีมิติ กรอบหน้าดูกระชับมากขึ้น แต่การฉีดบริเวณกรอบหน้าเหมาะกับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อกรามใหญ่เท่านั้น ไม่สามารถแก้ปัญหาใบหน้าใหญ่จากกระดูกได้
3. โบท็อกซ์รักแร้
นอกจากลดริ้วรอยและยกกระชับใบหน้าแล้ว โบท็อกยังฉีดลดเหงื่อใต้วงแขนด้วยนะคะ โดยโบท็อกจะเข้าไปยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อใต้รักแร้ ส่งผลให้เหงื่อออกน้อยลง ลดปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์
ดูแลหลังฉีดอย่างไรดี
- ห้ามประคบเย็น เพราะการประคบเย็นจะขัดขวางการดูดซึมของตัวยา
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น ไดร์เป่าผม ซาวน่า หรือกิจกรรมที่ต้องใกล้ความร้อนอย่างน้อย 14 วัน
- งดทานอาหารรสชาติเผ็ดจัด เนื่องจากกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนทั่วใบหน้าจนหน้าแดง
- งดทานอาหารเสริมและวิตามินบางชนิดประมาณ 7 – 10 วัน หากจำเป็นต้องทาน ควรปรึกษาแพทย์
- งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 7 วัน เนื่องจากมีสารหลายชนิดที่ขยายหลอดเลือด
- งดนวดหน้าหรือทำเลเซอร์อย่างน้อย 14 วัน
- งดนอนหงายหลังการฉีดประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง
- งดออกกำลังกายอย่างหนักอย่างน้อย 7 วัน
- บริหารใบหน้าด้วยการยิ้ม ยักคิ้ว หรือเคี้ยว เพื่อให้โบท็อกออกฤทธิ์ไวขึ้น
รู้จักโบท็อกซ์ Nabota กล่องดำกับกล่องแดงต่างกันอย่างไร ?
โบท็อกซ์คืออะไร ข้อดี-เสีย ของการฉีดโบท็อกซ์
ฉีดโบท็อกซ์ดีอย่างไร วิธีดูแลให้มีผลลัพธ์ที่ยาวนาน