ฉีดวิตามินผิวขาว เสริมภูมิคุ้มกัน อันตรายไหม ? ฉีดวิตามินผิวที่ไหนดี ? ทำกี่ครั้งถึงเห็นผล ?

ฉีดวิตามินผิวขาว เสริมภูมิคุ้มกัน อันตรายไหม ? ฉีดวิตามินผิวที่ไหนดี ? ทำกี่ครั้งถึงเห็นผล ?

ฉีดวิตามินผิว

ฉีดวิตามินผิวดีไหม ? ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ดูขาวขึ้นจริงหรือ ? ในปัจจุบันการฉีดวิตามินบำรุงผิวพรรณให้ดูสดใส กำลังเป็นที่นิยมขึ้นอย่างมากทั้งคนที่อยากมีผิวขาวกระจ่างใส ดูสุขภาพดี และช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน หลายคนจึงเลือกวิธีที่เห็นผลเร็ว คือ ทำให้ผิวขาวใสด้วยการ “ฉีดวิตามินซี”

ซึ่งเชื่อว่าให้ผลค่อนข้างชัดเจน สามารถเปลี่ยนความคล้ำเสียของผิวให้กลับมาขาวใสเรียบเนียนได้ในระยะเวลาอันสั้น

ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจทำหัตถการดังกล่าว เราควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อที่จะได้ทราบว่าการฉีดวิตามินผิวนั้นมีอันตรายอะไรหรือไม่ ? ฉีดแล้วผิวจะดีขึ้นจริงไหม ? มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ? ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล ? หมอมีคำตอบให้ในบทความนี้

การฉีดวิตามินผิวใส คืออะไร ?

การฉีดวิตามินผิวใส คือ การฉีดตัวยาที่มีส่วนผสมของวิตามินต่าง ๆ เข้าไปในผิว วิตามินผิวใสที่นิยมทำกันในปัจจุบันนั้น ตัวยาที่ออกฤทธิ์หลักเป็น วิตามินซี (Vitamin C) หรือที่เรียกอีกอย่างว่า กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) เป็นหนึ่งในวิตามินที่ร่างกายมีความต้องการเป็นอย่างมาก

เนื่องจากมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทาน ต่อต้านอนุมูลอิสระ เพื่อนำไปสร้างคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนมีประโยชน์ต่อการรักษาสุขภาพ และยังช่วยในการซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น กระดูก ฟัน และผิวหนัง

อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณได้อย่างดี ช่วยให้ร่างกายสดชื่น ป้องกันหวัด ป้องกันแสงแดด ฉีดวิตามินผิวแต่ละคลินิกอาจมีสูตรยาเฉพาะ ใช้ตัวยาแตกต่างกันได้ครับ สำหรับ V Square Clinic หมอจะฉีดวิตามินผิวใส aura white เป็นตัวยาล้วน ไม่ผสมน้ำเกลือครับ

ตัวยาประกอบด้วย Vit C megadose + Vit B รวม + Glutamine + Amino + Nac รวม 50 cc โดยสามารถปรับสูตรได้ตามความเหมาะสมกับปัญหาผิวและความต้องการของคนไข้

ปัญหาผิวแห้งเสีย ผิวหมองคล้ำ เกิดจากอะไร ?

การฉีดวิตามินผิวใส เสริมภูมิคุ้มกัน จะช่วยฟื้นฟูรักษาปัญหาผิว ที่เกิดจากปัจจัยต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวแห้งเสีย ผิวหมองคล้ำ ได้แก่

  1. แสงแดดและมลภาวะ ส่งผลให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากผิวผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด
  2. ความเครียด ส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ไขมันผลิตมากขึ้น ทำให้เกิดการอุดตัน เป็นสาเหตุของการเกิดสิว หน้าหมอง หน้าโทรม
  3. สารเคมีจากเครื่องสำอาง เนื่องจากเครื่องสำอางและสกินแคร์ มีส่วนผสมของน้ำหอม และไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) หากใช้ปริมาณมากเกินไป อาจทำให้เกิดผดผื่น สิวอุดตัน รอยแดงได้
  4. การรับประทานอาหาร ที่ไม่มีประโยชน์หรือการดื่มน้ำไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิว เช่น หน้าคล้ำ โทรม ไม่สดใส นอกจากนี้ผิวที่ขาดน้ำจะทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

การฉีดวิตามินผิวใส เหมาะกับใคร ?

  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูร่างกาย และสภาพผิวอย่างเร่งด่วน
  • ผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย
  • ผู้ที่ไม่มีอยากทาครีม และต้องการผลที่ไวกว่า
  • ผู้ที่มีผิวคล้ำเสีย ไม่สดใส ผิวแห้งกร้าน
  • ผู้ที่ระบบภูมิต้านทำงานบกพร่อง เป็นหวัด โรคภูมิแพ้

ข้อดีของการฉีดวิตามินผิว

  • ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่น ความชุ่มชื้นให้ผิว
  • ลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวขาวใส
  • เสริมสร้างการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ
  • กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการหวัด โรคภูมิแพ้
  • ช่วยให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง ร่างกายสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย
  • เพิ่มความแข็งแรงให้ผิว

ฉีดวิตามินผิวใสบริเวณไหนได้บ้าง ?

การฉีดวิตามินผิวใส หมอจะฉีดบริเวณข้อพับ เป็นการฉีดด้วยสายน้ำเกลือเข้าเส้นเลือดดำครับ วิธีนี้เป็นการให้อาหารผิวผ่านการฉีดเข้าเส้นเลือดดำ ที่เข้าสู่ร่างกายโดยตรง ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินได้มากขึ้น

โดยปกติแล้วเราจะรับวิตามินต่าง ๆ จากการรับประทานอาหาร ผัก ผลไม้ การทานอาหารเสริม ซึ่งถ้าเทียบกับการฉีดวิตามินผิวแล้ว จะเห็นผลช้ากว่าและน้อยกว่าครับ

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการฉีดวิตามินผิวใสจึงได้รับความนิยม และเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง และต้องการฟื้นฟูร่างกายในระยะอันเร่งด่วน

ส่วนวิตามินผิวสำหรับบำรุงผิวหน้าโดยเฉพาะ จะเรียกว่าการฉีดเมโสหน้าใส

ฉีดวิตามินผิวใส อันตรายไหม ?

การฉีดวิตามินผิว อันตรายไหม ? ในความเป็นจริงแล้วการฉีดวิตามินผิวใสไม่อันตราย เนื่องจากตัวยาที่ฉีดเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ และเป็นวิตามินที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย สิ่งที่ต้องระวังเป็นอย่างมากสำหรับคนที่อยากฉีดเติมวิตามินให้ผิวขาวใส ก็คือ อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการไปฉีดวิตามินผิวที่ไม่ได้มาตรฐาน

อาจพบว่ามีสถานพยาบาลบางแห่งทำการฉีดสารกลูตาไธโอน (Glutathione) เข้าสู่ร่างกายให้คนไข้โดยตรง เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสีผิวที่รวดเร็ว แต่ตัวยาดังกล่าวยังไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย. ซึ่งการฉีดยาเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเส้นเลือดดำโดยตรงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงคือมีอาการแพ้และเป็นผื่นได้

อาการผดผื่น ที่เป็นผลข้างเคียงจากการฉีดวิตามินผิวที่ไม่ได้มาตรฐาน

การฉีดวิตามินผิวใสที่มีส่วนประกอบหลักเป็นวิตามินซีควรหลีกเลี่ยงในหญิงตั้งครรภ์, คนไข้ที่ป่วยเป็นโรคตับ/โรคไต, คนไข้ที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ (G6PD Deficiency) คนไข้ที่มีภาวะเหล็กเกินเพราะวิตามินซีจะเข้าไปทำให้ร่างกายเกิดการดูดซึมธาตุเหล็กได้มากขึ้นอีก ทำให้เกิดความไม่สมดุลของแร่ธาตุได้

ทางที่ดีควรเลือกคลินิกฉีดวิตามินผิวที่น่าเชื่อถือที่ดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ มีมาตรฐานและใช้ของแท้ที่ปลอดภัยเท่านั้นครับ

ฉีดวิตามินผิว มีผลข้างเคียงไหม ?

ฉีดวิตามินผิว มีผลข้างเคียงไหม ? จริง ๆ ไม่มีผลข้างเคียงที่อันตรายครับ ถ้าใช้ตัวยาที่ได้มาตรฐาน ผ่าน อย. ส่วนผลข้างเคียงที่เจอได้จะเป็นรอยเข็มที่เกิดจากการฉีด ซึ่งรอยเหล่านี้สามารถหายไปได้เองภายใน 1-3 วัน ดังนั้นคนไข้ไม่ต้องกังวลครับ

การฉีดวิตามินผิวใส ไม่เหมาะกับใคร ?

  • หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตต่ำ โรคหัวใจที่ต้องรักษาด้วยยาหลายชนิด
  • ผู้ที่มีประวัติโรคเลือดผิดปกติ โรคมะเร็ง
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำเป็นต้น
  • คนไข้ที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ (G6PD Deficiency)
  • คนไข้ที่มีภาวะเหล็กเกิน เพราะวิตามินซีจะเข้าไปทำให้ร่างกายเกิดการดูดซึมธาตุเหล็กได้มากขึ้นอีก ทำให้เกิดความไม่สมดุลของแร่ธาตุได้
  • คนที่มีประวัติแพ้ยา หรือวิตามินที่เป็นรูปแบบการฉีด

ซึ่งบุคคลต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้เป็นข้อห้ามแบบชัดเจน บางเคสสามารถทำได้ ขึ้นกับภาวะต่าง ๆ ในแต่ละเคส โดยหมอจะเป็นผู้ประเมิน

หลังฉีดวิตามินผิวใส กี่วันเห็นผล ?

โดยปกติแล้วหลังฉีดวิตามินผิวใส จะเริ่มเห็นผลประมาณ 3 วันหลังฉีด และจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน หากต้องการให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพในช่วงเดือนแรกควรฉีดทุกสัปดาห์ หลังจากนั้นฉีดทุก ๆ 2 สัปดาห์เพื่อคงสภาพ

ฉีดวิตามินผิวใส ดีไหม ?

ฉีดวิตามิน ผิวดีไหม ? ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนครับ การฉีดวิตามินผิวใสด้วยตัวยาในกลุ่มวิตามินซีได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในเรื่องความขาวใสของผิว ความขาวที่ได้รับหลังการฉีดวิตามินซีเข้าไปสามารถเป็นไปได้จริง ด้วยหลักการทำงานของวิตามินซีที่มีส่วนช่วยลดการเกิดขึ้นของเม็ดสีเมลานิน แก้ปัญหาจุดด่างดำ

เมื่อได้รับปริมาณวิตามินอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ผิวดูขาวมากขึ้นกว่าผิวเดิม แต่ระดับความขาวที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มากจนเลยระดับผิวหนังเดิมของตัวเองไปแต่อย่างใด

วิตามินซีมีส่วนช่วยลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน ผลคือทำให้ผิวขาวใสขึ้น

การฉีดวิตามินผิวใสจะให้ผลที่ดีหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล บางคนอาจจะเห็นผลไว บางคนอาจจะเห็นผลช้า เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่มาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการทาครีมกันแดด การทำงานกลางแจ้ง หรือปล่อยให้ผิวสัมผัสกับแสงแดดและความร้อนโดยตรงเป็นเวลานานหรือไม่ รวมถึงความสม่ำเสมอในการฉีดด้วย

ส่วนความใสของผิวหน้าหลังจากที่ฉีดวิตามินซีก็มีส่วนที่ช่วยทำให้ใสขึ้นได้เช่นเดียวกัน เพราะวิตามินซีจะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น และไปลดจุดด่างดำด้วยการทำหน้าที่เป็นสาร Antioxidant ผิวจะดูเรียบเนียนเป็นสีเดียวกันจึงทำให้ผิวดูใสมีสุขภาพดีมากขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยขับสารพิษที่ตกค้าง ช่วยให้ร่างกายสดชื่นขึ้น เสริมสร้างภูมิต้านทาน ป้องกันหวัดและป้องกันอันตรายจากแสงแดดได้ดีขึ้นด้วยครับ

ฉีดวิตามินผิวแล้วดูกระจ่างใสขึ้นจริงไหม ?

หลายคนสงสัยว่าการฉีดวิตามินผิวขาวจริงไหม ? สำหรับการฉีดวิตามินผิวที่ใช้ในการเสริมความงามนั้น ไม่ว่าจะเป็นส่วนประกอบของ Vit C, Vit B, NAC, Amino, Antioxidant หรือ Collagen ล้วนเป็นสารที่ให้ประโยชน์กับผิวของเรา

โดยที่ NAC (N-Acetyl Cysteine) เป็นโครงสร้างที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพและช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์ Glutathione ออกมาตามธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระได้อีกด้วย

ซึ่งการฉีดสารต่าง ๆ เหล่านี้ จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปตามปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคลครับ จุดเด่น คือ จะช่วยสร้างคอลลาเจนและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ปกป้องผิวทำให้เซลล์แข็งแรง

เมื่อเซลล์แข็งแรง ผิวก็จะมีคุณภาพดีขึ้นจากภายในสู่ภายนอก ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล การฉีดวิตามินผิวจะช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นโดยอาศัยกลไกทางอ้อม

ฉีดวิตามินผิวกี่ครั้งเห็นผล ?

ในการฉีดวิตามินผิวใส กระตุ้นผิวให้แลดูเปล่งปลั่ง จะมีสารบางตัวที่สามารถเปลี่ยนสีผิวเราให้ดูขาวกระจ่างใสขึ้น เป็นสารจำพวกวิตามินซี กลุ่มสารที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสี และสารต้านอนุมูลอิสระ

ระยะเวลาที่จะเห็นผลอยู่ที่ประมาณ 3 สัปดาห์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความถี่ในการฉีด ในช่วงแรกอาจจะฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เมื่อผิวเริ่มมีสุขภาพดีขึ้นแล้วก็สามารถทิ้งช่วงได้เป็นเดือนละ 1 ครั้งก็ได้ แต่หากอยากรักษาผลลัพธ์ไว้ ควรมาฉีดอย่างต่อเนื่อง